วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 9

สัปดาห์ที่ 9
บันทึก สัปดาห์ที่ 9
       วิชา : การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
       อาจารย์ผู้สอน : อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
       วัน/เดือน/ปี : 14 ตุลาคม  พ.ศ.2557
       ครั้งที่ : 9 กลุ่มเรียน : 101 (วันอังคาร : บ่าย)
       เวลาเข้าเรียน 12:20-15:00 ห้องเรียน : 234

          ชั่วโมงที่ 9 ของการเรียนการสอน วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ วันนี้ได้เรียนเรื่อง เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities) และ เด็กออทิสติก (Autistic)


เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ (L.D)
          หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างในกระบวนการพื้นฐาน ทางจิตวิทยาที่เกี่ยวกับความเข้าใจหรือการใช้ภาษา อาจเป็นการพูดและ/หรือภาษาเขียน หรือการคิดคำนวณ รวมทั้งสภาพความบกพร่องในการรับรู้ สมองได้รับบาดเจ็บกาปฏิบัติงานของสมองสูญเสียไป
          สาเหตุ
          การได้รับบาดเจ็บทางสมองเนื่องจากระบบประสาทส่วนกลางได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
กรรมพันธุ์ เนื่องจากงานวิจัยจำนวนมากระบุว่า ถ้าหากพ่อแม่ ญาติ พี่น้องที่ใกล้ชิดเป็นจะมีโอกาส ถ่ายทอดทางพันธุ์กรรม สิ่งแวดล้อม เป็นสาเหตุอื่น  ที่ไม่ใช่การได้รับบาดเจ็บทางสมอง หรือกรรมพันธุ์ เช่น การพัฒนาการช้า เนื่องจากการได้รับสารอาหารไม่ครบ ขาดสารอาหาร มลพิษ การเลี้ยงดู
ลักษณะทั่วไปของเด็ก LD
-         มีความบกพร่องทางการพูด
-         มีความบกพร่องทางการสื่อสาร
-         มีปัญหาในการเรียนวิชาทักษะ
-         มีปัญหาในการสร้างแนวความคิดรวบยอด
-         การทดสอบผลการเรียนให้ผลไม่แน่นอนมากแก่การพยากรณ์
-         มีความบกพร่องทางการรับรู้
-         มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว
-         มีอารมณ์ไม่คงที
-         โยกตัวหรือผงกศีรษะบ่อยๆ
-         มีพัฒนาการทางร่างกายไม่คงที่
-         มีพฤติกรรมไม่คงเส้นคงว่า
-         เสียสมาธิง่ายแสดงพฤติกรรมแปลกๆ
-         มีปัญหาในการสร้างความ สัมพันธ์กับเพื่อน
การบกพร่องทางการอ่าน
-         จำตัวอักษรไม่ได้ จำตัวอักษรได้แต่อ่านเป็นคำไม่ได้
-         ความสามารถในการอ่านต่ำกว่านักเรียนอื่นในชั้นเดียวกัน
-         ระดับสติปัญญาอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยหรือสูงกว่าเกณฑ์
-         เข้าใจภาษาได้ดีหากได้ฟังหรือมีคนอ่านให้ฟัง
-         อ่านคำโดยสลับตัวอักษร
-         ไม่เข้าใจว่าตัวอักษรใดมาก่อน – หลัง
-         เด็กบางคนมีความไวในการฟัง
-         เด็กบางคนอาจมีความไวในการใช้สายตา
-         มีความยากลำบากในการจำรูปพยัญชนะและการอ่านพยัญชนะ
-         มีความยากลำบากในการแยกแยะเสียง    เช่น   การแยกแยะเสียง        
- มีความยากลำบากในการจำรูปสระและการอ่านสระ
- การออกเสียงคำไม่ชัด    หรือไม่ออกเสียงบางเสียงบางครั้งออกเสียงรวบคำ
-         ไม่สามารถอ่านคำได้ถูกต้อง เช่น การอ่านคำที่มีวรรณยุกต์กำกับการอ่านคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา
-         อ่านคำโดยสลับตัวอักษร เช่น “ นก” เป็น “ กน” “ งาน” เป็น “ นาง” เป็นต้น
-         ไม่สามารถอ่านข้อความหรือประโยคได้ถูกต้อง   เช่น อ่านข้ามคำ อ่านตกหล่น อ่านเพิ่มคำ อ่านสลับคำ
-         ไม่สามารถเรียงลำดับจากเรื่องที่อ่านได้
-         จับข้อเท็จจริงจากเรื่องที่อ่านไม่ได้
-         จับใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านไม่ได้
        การบกพร่องทางการเขียน
-         ไม่สามารถลอกคำที่ครูเขียนบนกระดานลงบนสมุดได้
-         เขียนประโยคตามครูไม่ได้
-         ไม่สามารถแยกรูปทรงทางเรขาคณิตได้
-         เรียงคำไม่ถูกต้อง
-         มีความยากลำบากในการเขียนพยัญชนะ    สระ   วรรณยุกต์  และเลขไทย  เช่น เด็กจะลากเส้นวน  ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวน ๆ ซ้ำ ๆ
-         เขียนพยัญชนะ สระ และเลขไทยกลับด้านคล้ายมองจากกระจกเงา
-         มีความสับสนในการเขียนพยัญชนะ และเลขไทยมีลักษณะคล้ายกัน   เช่น , , ,
-         เขียนด้วยลายมือที่อ่านไม่ออก
-         เขียนเรียงลำดับพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ในคำผิด ตำแหน่ง    เช่น   “ ปลา” เป็น “ ปาล”“ หมู” เป็น “ หูม” “ กล้วย” เป็น “ ก้ลวย”            
-         เขียนไม่ได้ใจความ
-         เขียนหนังสือ ลอกโจทย์จากกระดานช้าเพราะกลัวสะกดผิด
-         เขียนไม่ตรงบรรทัด   เขียนต่ำหรือเหนือเส้น  ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากัน   ไม่เว้นขอบกระดาษ ไม่เว้นช่องไฟ
-         จับดินสอหรือจับปากกาแน่นมาก
-         ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง เขียนตัวหนังสือตัวโต
การบกพร่องทางด้านคณิตศาสตร์
-         มีปัญหาในการบอกความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง
-         ไม่เข้าใจความหมายของจำนวน
-         ไม่เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่ได้ยินกับสิ่งที่มองเห็น
-         ไม่เข้าใจปริมาณ เมื่อขนาดเปลี่ยนไป
-         ทำเลขไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นบวก ลบ คูณ หาร เพียงอย่างเดียวหรือทั้ง 4 อย่าง
-         ไม่เข้าใจความหมายของตัวเลขที่นำมาเรียงกันทางคณิตศาสตร์
-         ไม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนในการคำนวณได้
-         ไม่เข้าใจในการอ่านแผนและกราฟ
-         มีปัญหาในการทำเลขโจทย์             
-         ไม่เข้าใจเกี่ยวกับค่าประจำตำแหน่ง    เช่น    จะไม่รู้ว่าเลข   “ 3 ” ในจำนวนต่อไปนี้ 23 , 38 , 317 มีค่าแตกต่างกัน   ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้มีความยุ่งยากในการบวก ลบ คูณ หาร จำนวน และไม่สามารถหาคำตอบที่ถูกต้องได้
-         ไม่สามารถจำ และเขียนสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้ เช่น “ + แทน การบวก” “ - แทนการลบ” “ X   แทน การคูณและ “ ?  แทน การหาร
เด็กออทิสติก (Autistic)
หมายถึง เด็กที่เป็นจะมีปัญหาเรื่อง การสื่อสาร ความสัมพันธ์ กับคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อม เด็กบางคนสามารถสื่อสารกับผู้อื่นและก็มีความฉลาด แต่เด็กบางคนเป็นเด็กปัญญาอ่อน ไม่พูด เด็กบางคนก็มีพฤติกรมทำซ้ำซาก จะเห็นว่าเด็กแต่ละคนมีอาการไม่เหมือนกัน ความรุนแรงไม่เท่ากัน แต่จะมีปัญหาทางสังคม การสื่อสาร พฤติกรรม กล้ามเนื้อและความรู้สึก
อาการทางสังคม
เมื่อยังเป็นเด็กจะมีการพัฒนาพฤติกรรมปกติกล่าวคือเด็กจะจ้องมองหน้าและตา หันไปตามเสียงหรือแสง จับนิ้วมือ ยิ้ม เด็กที่เป็น autism จะไม่สบตาพ่อแม่มักจะชอบอยู่คนเดียว เด็กไม่ชอบการกอดรัด เด็กจะเหมือนหุ่นไม่แสดงออกถึงความรัก ความโกรธ ไม่ร้องไห้เมื่อแม่ออกนอกห้อง ไม่ดีใจเมื่อแม่กลับเข้ามา
เด็กจะมีปัญหาการเรียนรู้ เด็กจะไม่รู้ความหมายของการยิ้ม ไม่เข้าใจภาษาทางร่างกาย เช่นการกอด การจูบ ไม่เข้าใจท่าทางแสดความโกรธ จากปัญหาต่างๆดังกล่าวเด็กจะไม่สามารถเรียนรู้ความคิด อารมณ์ พฤติกรรมการแสดงออกของผู้อื่น หรือความต้องการของคนอื่น
เด็กบางคนจะแสดงความก้าวร้าวออกมา เด็กจะไม่สามารถควบคุมตัวเองในในสิ่งแวดล้อมใหม่หรือที่ๆแออัดหรือเวลาโกรธไม่พอใจ เด็กจะทำลายของเล่น หรือทำร้ายผู้อื่นหรือทำร้ายตัวเอง
ปัญหาด้านภาษา
เด็กปกติแรกคลอกจะมีการพูดแบบเด็กๆคืออ้อแอ้ไม่เป็นภาษา เมื่อโตขึ้นก็จะหัดพูดเป็นคำๆ  หันหน้าไปตามเสียงเรียกชื่อ ชี้สิ่งที่ตัวเองต้องการ เมื่อโตขึ้นเด็กก็จะพูดประโยคสั้นๆได้ ทำตามคำสั่งง่ายๆได้
เด็กที่เป็น autism ภายใน 6 เดือนแรกก็จะพูดอ้อแอ้หลังจากนั้นจะหยุดพูด บางคนจะหยุดพูดตลอดไป การสื่อสารจะใช้สัญลักษณ์ เด็กบางคนเริ่มหัดพูดเมื่ออายุ 5-8 ปี เด็กบางคนจะพูดเป็นคำๆ เด็กไม่สามารถผสมคำได้อย่างมีความหมาย เด็กบางคนเลียนแบบคำพูดของคนอื่นหรือจำจากทีวี การพูดซ้ำมักจะพบได้เด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี เด็ก autism เด็กอาจจะพูดใช้ความหมายผิดเช่นอยากออกนอกบ้านแต่เด็กใช้คำว่าขึ้นรถแทนคำว่าออกไปข้างนอก เด็กจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าฉัน ของฉัน เธอ เช่น คุณชื่ออะไร เด็กจะตอบว่าคุณชื่อนนท์(ชื่อของเด็ก)
การแสดงความรู้สึกบนใบหน้าก็เป็นปัญหาสำหรับเด็ก autism จะไม่สามารถแสดงสีหน้าหรือท่าทางเพื่อแสดงดีใจ เสียใจ โกรธ น้ำเสียงก็ไม่มีสูงหรือต่ำเสียงเหมือนหุ่นยนต์ เนื่องจากเด็กไม่สามารถใช้ภาษาแสดงว่าต้องการอะไร เด็กจะใช้วิธีร้องหรือแย่งของแทนที่จะขอ
พฤติกรมที่ทำซ้ำๆ
เด็ก autism จะมีร่างกายปกติแต่มักจะมีพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆทำให้ไม่สามารถเล่นกับเด็กคนอื่น
เด็กอาจจะนั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมืออยู่เป็นชั่วโมง
เด็กนั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
เด็กอาจจะมีพฤติกรรมที่ซ้ำๆ เช่นวิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโนน
เด็กอาจจะคว้ามือคนอื่นให้ดูนาฬิกาตัวเองอยู่ตลอดเวลา หรืออาจะเอาอุจาระออกจากห้องน้ำเข้าห้องเรียน
เด็กจะไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเช่น นั่งโต๊ะตัวเดียง กินอาหารเวลาเดียวกัน เด็กจะโกรธมากหากสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป เช่นตำแหน่งของช้อน เก้าอี้ รูปภาพ
เด็กเล็กจะมีจิตนาการ เช่นสมมุติตัวเองเป็นแม่ หรือแม่ค้า เอาชามใส่แทนหมวก แต่เด็กที่เป็น autism จะไม่มีจินตนาการเช่นนี้
ปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้
เด็กปกติจะมีการรับรู้สิ่งแวดล้อมจากสัมผัสทั้ง 5 และสมองก็สามารถที่จะแปลผลนั้นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม แต่เด็กautism จะมีปัญหาเรื่องการรับรู้จากสัมผัสทั้ง 5ทำให้เด็กสับสน เด็กอาจจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องสัมผัสบางอย่างเช่น  รูป  รส กลิ่น เสียง เด็กบางคนเมื่อใส่เสื้อผ้าจะทำให้เด็กไม่มีสมาธิทำอย่างอื่น เด็กบางคนจะรู้สึกอึกอัดเมื่อถูกกอด เด็กบางคนอาจจะกรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน เสียงโทรศัพท์หรือเสียงอื่นๆ
เด็กบางคนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้สึกเจ็บปวดเด็กอาจจะหกล้มกระดูกหักแต่ไม่ร้องเลย หรืออาจจะเอาหัวโขกกำแพงโดยที่ไม่ร้อง
ความสามารถพิเศษ
เด็ก autism บางคนมีความสามารถพิเศษหลายอย่างเช่น การวาดรูป ความจำ การเล่นดนตรี การอ่านหนังสือ

การประเมินผล
ประเมินตนเอง : อยู่ในระดับดี แต่งตัวเรียบร้อย ถูกต้องตามกฎระเบียบ เข้าเรียนตรงเวลา เวลาเรียนมีความรู้สึกง่วงบ้างเป็นเพราะพักผ่อนมาน้อย
ประเมินเพื่อน : อยู่ในระดับดี แต่งตัวเรียบร้อยถูกระเบียบ ถูกต้องตามกฎระเบียบ ตั้งใจฟังในสิ่งที่อาจารย์สอน มีคุยกันบ้าง
ประเมินอาจารย์ : อยู่ในระดับดีมาก อาจารย์มีการแสดงบทบาทสมมุติหลายๆรูปแบบทำให้นักศึกษาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มีเสียงหัวเราะ รุ้สึกสนุกกับการเรียนการสอน ทำให้เข้าใจง่ายและเห็นภาพ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น